#ให้ทุกข์เขา #ทุกข์นั้นถึงตัว
เกร็ดธรรมคำสอน หลวงปู่ทวด
โลกทุกวันนี้ยุ่งยากก็เพราะมนุษย์ที่อวดตน หรือ ยกตนเป็นผู้ใหญ่ยังติดเสียง มนุษย์ที่อวดตนว่าเป็นผู้ดีเรียนรู้มามากยังไม่มีจรรยาในการ "พิจารณาตน" ถ้าสัตว์โลกอยู่กันอย่างไม่ยึดตัวตน ไม่ยึดเสียง ไม่ยึดอุปทาน ถ้าละทิ้งได้ ไม่ยึดสิ่งใดเลยโลกนี้ ย่อมสงบ ท่านต้องเข้าใจว่า "การให้ทุกข์เขานั้น ทุกข์นั้นย่อมถึงตัวท่านเองอย่างแน่นอน" นี่เป็นหลักความจริง
สมัยเมื่ออาตมามีสังขารอยู่ที่จังหวัดปัตตานี ภาคใต้ของประเทศไทย ในระยะเริ่มแรกสร้างวัดช้างให้ ก็ได้มีแขกมาลายูคนหนึ่งมาบวชอยู่ในวัดของอาตมา แขกมาลายูคนนี้ไม่รู้จักภาษาสยาม (ภาษาไทย) รู้แต่ภาษามาลายู ทีนี้เมื่อรู้แต่ภาษามาลายู จะสอนให้สวดมนต์ก็ดี จะสอนการอ่านก็ดี ย่อมทำไม่ได้ อาตมาจึงบอกเขาว่าถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องสวดมนต์ล่ะ ท่องเพียงสองคำก็พอคือ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" แขกคนนั้นก็อยู่ในปกครองของอาตมา ตื่นเช้าขึ้นมาอาตมาก็ออกบิณฑบาตตามปกติ กลับมาก็นั่งท่องแต่คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" แบบนี้ไปเรื่อยๆ
มีแขกมาลายูด้วยกันเป็พวกเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะมาเที่ยววัด บอกว่าพระองค์นี้มันพูดอะไรของมันไม่ทราบ ท่องแต่ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" แขกคนนี้ไม่นับถือศาสนาพุทธ แต่รู้ภาษาไทย ก็บอกว่าไม่จริง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นไม่ถึงตัวหรอก"
หลังจากนั้นจึงตั้งใจจะพิสูจน์คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" จริงหรือไม่ วันหนึ่งได้ไปทำโรตีแบบที่ทางปักษ์ใต้เขาชอบทำกันกินในสมัยนั้น คือโรตีแบบแขก แล้วก็ใส่ยาพิษลงไปในโรตีนั้นด้วย นำไปใส่บาตรพระมาลายู ที่ท่อง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"
บังเอิญเจ้ากรรมวันนั้นพระมาลายูองค์นี้บิณฑบาต ได้อาหารมามาก แล้วก็ฉันอิ่มจึงนำโรตีสองชิ้นที่แขกนั้นใส่บาตรไปเก็บเอาไว้ ส่วนคนที่ต้องการพิสูจน์คำว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" มีลูกอยู่สองคน พอเที่ยงก็หิ้วข้าวมาให้พ่อซึ่งเลี้ยงวัวอยู่ในแถบวัดนั้นกิน แถวนั้นมันเป็นโคกโพธิ์ ด้านขวามีกุฏิน้อยๆ เด็กทั้งสองก็เที่ยวไปถึงกุฏิของพระที่ท่อง "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว"
พระองค์นี้เห็นว่าเด็กทั้งสองคนนี้น่ารัก บัดนี้มันเลยเพลแล้ว โรตีที่เก็บเอาไว้เกรงว่าจะเสียเปล่า จึงนำเอาโรตีทั้งสองแผ่น ที่พ่อของเด็กเขาใส่ยาพิษที่จะให้พระองค์นี้ฉัน ไปให้เด็กสองคนซึ่งเป็นลูกกิน และเมื่อเด็กทั้งสองคนนั้นกินเข้าไป กลับไปถึงบ้านก็ป่วยทันที ครั้นใกล้ตายพ่อก็ถามว่า "เมื่อเจ้าเอาข้าวไปส่งให้พ่อน่ะ เจ้ากินอะไรไปหรือเปล่า?" ลูกทั้งสองบอกว่า เขาไปที่กุฏิพระองค์ที่เป็นชาวมาลายูด้วยกัน เห็นท่องแต่ "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" เห็นว่าแปลกไม่รู้ว่าเป็นอะไร ท่องแต่คำๆ นี้คำเดียว พระนั้นก็สงสารลูกจึงได้ให้โรตี สองอันกิน
ในที่สุดผลแห่งการพิสูจน์ว่า "ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว" ก็ปรากฏขึ้น เขาต้องการฆ่าพระองค์นั้น แต่กลับกลายเป็นฆ่าลูกสุดที่รักของเขาเอง
เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัว เรามีความบริสุทธิ์ เรามีความเที่ยงธรรม เรามีหลักขันติสัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา คุณธรรมเหล่านี้ก็จะรักษาเราให้พ้นภัย ปลอดภัยทุกอย่าง
ทีนี้การเป็นคน ท่านยึดเสียงหรือไม่ ท่านยึดคำพูดดีหรือไม่ ท่านยึดคำพูดเลวหรือไม่ ถ้าท่านยึดสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านก็จะเป็นนักพรตที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักบุญที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักปกครองคนที่ดีไม่ได้ มนุษย์เราถ้ายังยึดติดเสียง ติดคำชมและคำด่า มนุษย์นั้นยังมีใจไม่ถึงธรรม "สัจธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ" เป็นสิ่งที่แน่แท้ ทำไมสำนักปู่สวรรค์จึงยึดจุดนี้ก็เพราะว่าความจริงย่อมเป็นความจริง สิ่งที่เลวก็เป็นความจริงแห่งความเลว สิ่งดีก็เป็นความจริงของความดีที่จะกล่าวต่อไปในยุคต่างๆ ของมันเอง โดยไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนไม่ได้ ธรรมชาติโลกิยะและโลกุตตระมันก็เดินของมันเอง
เราจะชนะความเลวด้วยความดี เราต้องมีอุเบกขา หมายถึงว่า คิดว่าสิ่งนี้เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อชื่อ ความมีอำนาจ เมื่อท่านทำใจได้เช่นนี้ ท่านก็จะเป็นคนที่ดีได้ และจะเป็นนักเสียสละที่ดีได้ด้วย
ทีนี้การที่เราจะให้คนอื่นเหมือนเราหมดทุกอย่างนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ มนุษย์ต่างคนต่างเกิดมาในโลกนี้ มีกรรมและวิบากของตนไม่เหมือนกัน เมื่อมีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน มนุษย์ผู้นั้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน มีคุณธรรมไม่เท่ากัน เราจะเอาใจของเราเป็นสรณะว่าที่เราทำนี้ถูก ทุกคนต้องว่าถูกเหมือนเราไม่ได้ ท่านเข้าใจคำว่า "นานา จิตตัง" หรือ "นานา มโน" หรือไม่ คือแต่ละคนมีความคิดของตนเป็นหลัก เราจะทำอะไรควรต้องมีความสุขุมรอบคอบ เราต้องคิดถึงคนอื่นว่าทุกคนไม่เก่งเหมือนเรา ทุกคนไม่เหมือนเรา ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีอภัยทานเป็นสรณะ
ถ้ามนุษย์เราไม่มีการให้อภัยเป็นหลัก เมื่อมนุษย์ผู้นั้นตาย ไปก็จะมีแต่กิเลสตัณหา แห่งความยึดมั่นในตน จะมีแต่ความพยาบาทอาฆาตจองเวร เมื่อจิตใจไม่บริสุทธิ์ย่อมเป็นทางนำไปสู่อบายภูมิ นี่คือหลักความจริงของโลกวิญญาณ
เพราะฉะนั้น อาตมาจึงไม่อยากจะเทศน์อะไรมาก เพียงแต่ขอให้เข้าใจว่า จงมีขันติ สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา จงมั่นอยู่ในคุณธรรมทุกๆ ประการ อย่าติดเสียงไม่ว่าเสียงดี หรือเสียงไม่ดี อันตรายใดๆ จะทำอะไรท่านไม่ได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น