07 พฤษภาคม 2563

#สภาวะทิพย์ก่อนพระตถาคตเสด็จดับขันธปรินิพพาน​


#เรื่องเล่าขานจากหลวงปู่ใหญ่เนื่องด้วยวันวิสาขบูชา​

ลูกหลานทั้งหลายเอ๊ย​ ฯ​: 

หลวง​ปู่​ใหญ่​จัก​เล่า​ขาน​ถึง​ปัจฉิม​กาล​ก่อน​พระ​ตถาคต​เจ้า​จัก​เสด็จ​ดับขันธปรินิพพาน​  ดังต่อไปนี้..... 

ภายใต้​อนันตจักรวาลอัน​ไพศาล​หาขอบเขตมิ​ได้นี้ ประกอบไปด้วย​ "โลกธาตุ" จำ​นวน​มหาศาลสุดจะนับ​ประมาณ​ได้ 

สำหรับ​โลกธาตุอันเป็นที่เกิดที่อาศัยของมนุษย์อัน​เป็น​สัตว์มีสติปัญญาบริบูรณ์​  มีจำนวน 10 โลกธาตุด้วย​กัน​ 

เทพยดาแห่ง 10 โลกธาตุนั้น เป็นผู้มีบุญญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ 

ครั้น​เมื่อเทวดา​แห่ง​10​​โลกธาตุ​นั้น​ ได้ทราบว่า​ "ชมพูทวีป" อัน​เป็น​โลก​ธาตุ​เดียว​เท่านั้น​ใน​อนันตจักรวาล​ที่​จัก​มีพระพุทธเจ้ามา ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน..  

เทพ​เหล่านั้น​ย่อม​หมาย​จัก​มา​ร่วมสักการะบูชา​พระพุทธ​เจ้า​ ใน​เหตุการณ์​สำ​คัญ​ คือ​ กาล​ที่​พระ​พุทธเจ้า​พระ​องค์​นั้น​ ๆ​ ประสูติ​ ตรัสรู้​ ปรินิพพาน​ นั่น​เอง​

การ​มา​ของ​เหล่า​เทพ​ทั้ง​ 10​ โลกธาตุ​ เพื่อ​รวม​ตัว​กัน​ ณ​ ชมพูทวีป​นั้น​  นับ​เป็น​สภาวะ​ทิพย์​วิเศษ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​สุด​พรรณนา

ณ​ ควง​ไม้​สาละ​ทั้ง​คู่​ คือ​ ต้น​สาละ​อัน​เกิด​เป็น​ลำต้น​คู่​พิเศษสำ​หรับ​เป็น​จุด​ที่​ปรินิพพาน​ของ​พระ​พุทธเจ้า​  

ฤดูนั้น​ แม้​มิใช่​กาล​ที่​สาละ​จัก​ผลิดอกได้​  แต่​ต้น​สาละ​ทั้ง​คู่​กลับ​ผลิดอกสะพรั่ง​ ร่วงหล่น​โปรยปราย​ลง​ต้อง​พระ​สรีระ​พระ​ตถาคต​เจ้า

แม้​ดอก​มณฑารพ​แห่ง​สรวงสวรรค์​อัน​เป็น​ทิพย์...

แม้​จุรณแห่ง​จันทน์​อัน​เป็น​ทิพย์...

ก็​ร่วง​หล่น​จาก​นภา​กาศ​ มา​ต้อง​พระ​สรีระ​ เพื่อ​บูชา​พระ​พระ​พุทธเจ้า​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย

ดนตรี​ทิพยสังคีต​แห่ง​เทพ​พรหม​ทุก​ชั้น​ฟ้า​ ก็​บรรเลง​สืบ​ต่อ​กัน​มา​ใน​ทุก​ท้อง​นภาลัย​ เพื่อ​บูชา​ไว้​อาลัย​ต่อ​พระ​พุทธองค์

เพลา​นั้น​ พระ​อรหันต์​มหา​เถระ​รูป​หนึ่ง​ นาม​ว่า​ "พระ​อุปวาณะ"  ทำหน้าที่​ถวาย​งาน​พัด​พระ​พุทธเจ้า​อยู่

พระ​พุทธเจ้า​ดำรัส​แก่​พระ​อุปวาณะ​ว่า​  "ภิกษุ​ เธอ​จง​หลีก​ออก​ไป​เถิด​ อย่า​ได้​ยืน​ขวาง​เตียง​ตั่ง​ตรง​หน้า​ตถาคต​เลย"

พระ​อานนท์​เถระ​ แม้​อยู่​ใน​อาการ​โศก​เศร้า​สุด​ประมาณ​ แต่​ก็​ได้​เอ่ย​ถาม​พระ​พุทธเจ้า​ไป​เพื่อ​หมาย​บันทึก​เหตุการณ์​สำคัญ​นั้น​ไว้​ให้​บริบูรณ์​ ว่า​ "พระ​พุทธ​เจ้า​ข้า​ เหตุ​ใด​พระ​องค์​จึง​ทรง​ตรัส​ดังนั้น​ ด้วย​พระ​อุปวาณะนี้​ก็​เป็น​พระ​อุปัฏฐาก​ใกล้​ชิด​พระ​ผู้​มี​พระ​ภาค​รูป​หนึ่ง​มานานแสนนาน​ ไฉน​จึง​ให้​หลีก​พระองค์​ออก​ไป​เสีย​ ?" 

พระ​พุทธเจ้า​ตรัส​ตอบ​พระ​อานนท์​ว่า 

"อานนท์​  เทพโดยมากใน 10 โลกธาตุมาประชุมกันเพื่อจะเยี่ยมตถาคต​ ณ​ สวนสาละ​วันของพวกเจ้ามัลละ​ อันเป็นทางเข้ากรุงกุสินาราแห่ง​นี้​ ซึ่ง​มีเนื้อที่ 12 โยชน์​โดยรอบ 

พวกเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่​มี​จำ​นวน​มหา​ศาล​ เบียดเสียดกันอยู่​เท่าปลายขนเนื้อทรายจรด​ลง​   พวกเทพทั้ง​หลาย​จัก​โทษว่า..  พวกเรามาไกลก็เพื่อจัก​ได้​สักการะ​พระตถาคตในปัจฉิมกาล​นี้ มีเพียงครั้งคราวที่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติขึ้นมา​ในโลก 

ในปัจฉิมยามแห่งราตรีวันนี้​ ตถาคตจัก​ปรินิพพาน​   

ภิกษุผู้มีศักดิ์ใหญ่รูปนี้ยืนบังอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์พระผู้มีพระภาค ทำให้เหล่าเทพทั้งหลายเกรงใจไม่สามารถเข้าเฝ้าพระตถาคตในปัจฉิมมกาลนี้ได้" 

ท่านพระอานนท์ทูลถามต่อว่า  "พวกเทวดาทั้งหลาย​เป็นอย่างไร​ ? คิดกันอย่างไร​ ? ​ พระพุทธเจ้าข้า" 

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า​ 

"อานนท์เอย​  มีเทวดาบางพวก กระทำ​ปาฏิหาริย์​กำหนดแผ่นดินขึ้นมาบนชั้นอากาศ​  แล้ว​สยายผม​ ประคองแขน​ ร้องไห้คร่ำครวญ​ ล้มกลิ้งเกลือกไปมาเหมือนคนเท้าขาด เพ้อรำพันว่าพระผู้มีพระภาคด่วนปรินิพพาน​ พระสุคตด่วนปรินิพพานเสียแล้ว​ จักษุของโลกจักด่วนอันตรธาน​ไปแล้ว 

มีเทวดาบางพวก กระทำ​ปาฏิหาริย์​กำหนดแผ่นดินขึ้นบนแผ่นดิน  แล้ว​สยายผม​ ประคองแขนร้องไห้คร่ำครวญ​ ล้มกลิ้งเกลือกไปมาเหมือนคนเท้าขาด​ เพ้อรำพันว่า​ พระผู้มีพระภาคด่วน​ปรินิพพาน​ พระสุคตด่วน​ปรินิพพานเสียแล้ว​ จักษุของโลก จักด่วนอันตรธานไปแล้ว 

ส่วนพวกเทวดาที่ไม่มีราคะ​ มีสติสัมปชัญญะ​ อดกลั้นได้ ก็คิดว่า​ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง​ เหล่า​สัตว์​จัก​พึง​หาได้อะไรจากที่ไหนในสังขารนี้"

พระ​ตถาคต​ทรง​มี​พระ​ดำรัส​ต่อ​ไป​อีก​ ว่า... 

" อานนท์​เอย​  ตถาคต​นี้​จัก​ชื่อ​ว่า​มี​แต่​มนุษย์​พุทธ​บริษัท​ ๔​ สักการะ​บูชา​ ก็​หา​ไม่​   ทิพย​โลก​ทั้ง​หลาย​ก็​นอบน้อม​บูชา​ ด้วย​การ​เกิด​แห่ง​ตถาคต​นี้​เป็น​ความ​พิเศษ​ ยาก​ยิ่ง​จัก​มี​ได้​ ใน​ห้วง​กาลเทศะ​อัน​ยาวนาน​หลาย​กัปกัลป์​ 

แต่​อัน​การ​บูชา​สักการะ​ต่อ​ตถาคต​นั้น​ สิ่ง​ใด​จัก​เสมอ​ด้วย​การ​ประพฤติ​ปฏิบัติ​ธรรม​สมควร​แก่​ธรรม​ หามี​ไม่​

ฉะนั้น​ อานนท์​แล​มนุษย์​พุทธ​บริษัท​ทั้ง​หลาย​ พึง​สำเหนียกอย่าง​นี้​เถิด​ว่า​ เรา​จัก​เป็น​ผู้​ปฏิบัติ​ธรรม​สมควร​แก่​ธรรม​ ปฏิบัติ​ชอบ​ตาม​ธรรม​อยู่​ โดย​มี​ศีล​เป็น​ต้น​ มี​โลกุตรธรรม​เป็น​ที่​หมาย​ นั้น​แล​  คือ​การ​สักการะ​บูชา​ตถาคต​ที่​ดี​ที่สุด​"
--------------------
ที่มา
#ธรรมเทศนาหลวงปู่เทพโลกอุดร​
#หลวงปู่เทพโลกอุดร

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...