🍀..ที่มาของเทวสภา.
ท่านมาฆมาณพในสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านมีภรรยา ๔ คน คนแรกชื่อ ท่านสุธรรมา คนที่สองชื่อ สุจิตรา คนที่สามชื่อ สุนันทา
และคนสุดท้ายชื่อ สุชาดา
อาศัยที่ท่านมีเมียมาก เมียคงจะทะเลาะกันมาก ท่านคงจะรำคาญเบื่อผู้หญิง คิดว่าต่อแต่นี้ไปเราทำบุญอะไรก็ตาม เราจะไม่ให้ผู้หญิงร่วมต่อไป
ในเมื่อทานไม่ให้ทำ ท่านเมียใหญ่คือท่านสุธรรมามีความฉลาด เมื่อนายช่างทำศาลายังไม่เสร็จดี ศาลานี้ต้องมีช่อฟ้าจึงจะสวย จึงไปจ้างนายช่างทำช่อฟ้าให้พอเหมาะกับศาลาแล้วสลักชื่อว่า.."ศาลาสุธรรมา" แล้วบอกว่า..
"ต่อไปสร้างศาลาเสร็จ ถ้าพวกผู้ชายเขาต้องการช่อฟ้าก็อย่าทำให้นะ มาเอาช่อฟ้าของฉันนี่ไปใส่ ฉันให้เงินพิเศษ ๑ พันกหาปณะ"
เงินมันเข้าใครออกใครที่ไหน นายช่างทำแล้วก็ปิดปากเงียบ เมื่อทำศาลาเสร็จ ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนก็จะทำช่อฟ้า นายช่างบอก..ทำไม่ได้ไม้มันสด ช่อฟ้าต้องใช้ไม้แห้งๆทำ ถ้าเอาไม้สดๆไปทำต่อไปช่อฟ้าแห้งจะหมองดูไม่สวย
ท่านก็บอก..ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาซื้อ หาไปหามาก็หาไม่ได้ นายช่างก็แนะนำว่า..บ้านของท่านสุธรรมามีช่อฟ้า ท่านมาฆมาณพก็บอกว่าไปขอซื้อเขา ท่านสุธรรมาบอกว่า.."ถ้าไม่ให้ร่วมบุญร่วมกุศลก็ไม่ขายแน่"
ท่านมาฆมาณพก็ไม่ยอมรับ เพราะไม่อยากคบผู้หญิง แต่ในที่สุดท่านก็จนใจยอมรับ เอาช่อฟ้าของสุธรรมาไปสวมกับศาลาก็พอดี
ตอนนี้ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนอีก ๓๒ คนรวมทั้งช่างอีกคน หนึ่งกับช้างรวมเป็น ๓๕ ทำกันเกือบตายไม่มีชื่อ ไปมีชื่อท่านสุธรรมาคนเดียว ใครไปใครมาก็เห็นเขียนชื่อท่านสุธรรมา
เมื่อท่านสุธรรมาตายจากคน ก็มาเป็นชายาของท่านพระอินทร์ ศาลาหลังนั้นก็ตามขึ้นมามีชื่อว่า "ศาลาสุธรรมา"เหมือนกัน เป็นศาลาที่ประดับประดาไปด้วยแก้ว ๗ ประการ มีแท่นที่ประทับของท่านพระอินทร์สวยสดงดงามมาก
ศาลานี้เป็นที่ประชุมของเทวดาที่เรียกว่า เทวสภา หรือธรรมสภา หรือศาลาสุธรรมา
รวมความว่า ศาลาหลังนี้มีชื่อของท่านสุธรรมาชื่อเดียว แต่ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนอีก ๓๒ คนรวมทั้งนายช่างและช้าง ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดามีวิมานกันคนละหลัง ทั้งที่ศาลาหลังนั้นไม่มีชื่อ ทั้ง ๓๓ คนเลย ท่านสุธรรมาเองตายแล้วไปเกิดเป็นนางฟ้าก็มีวิมานอีก ๑ หลัง เจ้าของช่อฟ้าก็มีวิมาณ ๑ หลังเหมือนกัน
ฉะนั้น บรรดาพุทธบริษัททุกคนที่สร้างแล้วไม่ชื่อที่ศาลา ที่กุฏิ ที่โบสถ์ ที่วิหารก็ตาม ก็อย่าไปสนใจเรื่องชื่อ สนใจเรื่องศรัทธาเป็นสำคัญ ศรัทธาเรามีแล้ว เราบริจาคแล้ว เราทำแล้ว ชื่อในเมืองมนุษย์จะเป็นชื่อใครก็ตาม แต่ว่าอานิสงส์ทุกท่านย่อมได้เหมือนกัน
🌻..สวนจิตรลดาวัน..
ท่านสุจิตราเป็นภรรยาคนที่ ๒ ท่านก็มานึกในใจว่า ท่านมาฆมาณพซึ่งเป็นสามี สร้างศาลาปลูกต้นไม้ สร้างแท่นหิน ขุดสระ เป็นบุญสาธารณ ประโยชน์ ท่านสุธรรมาก็มีความฉลาดสร้างช่อฟ้าสวมศาลา เหมาศาลาหลังนั้นทั้งหมดแต่ผู้เดียว แต่อานิสงส์ได้ทุกคน
ท่านก็คิดว่า อีกแถบหนึ่งของสระยังไม่มีสวน กับคนมาพักผ่อนที่ศาลาก็ดี อาบน้ำก็ดี อาจต้องการเดินเล่นในสวน ต้องการความสวยงาม ความสดชื่นจากดอกไม้และใบไม้ หรือดมดอกไม้หอมๆ เอาดอกไม้ไปนั่งดูบ้าง ทัดทรงบ้าง ติดอกบ้าง อย่างนี้ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้น
จึงได้สั่งคนไปปลูกสวนดอกไม้ไว้ใกล้ๆ กับสระ จัดสรรดอกไม้ที่ดีทุกประเภทมีไว้ให้ทุกอย่าง เมื่อดอกไม้ออกดอกงามสะพรั่งก็เป็นที่ชื่นใจของคนเดินทางมานั่งพักเห็นเข้าก็ชื่นใจ เมื่อท่านสุจิตราตายจากความเป็นคน ก็ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก
เพราะอานิสงส์สร้างสวนดอกไม้ไว้เป็นสวนสาธารณะ เป็นเหตุให้ได้วิมานใหญ่โตสวยสดงดงาม ๑ หลัง และมีสวนจิตรลดาวัน เป็นสวนดอกไม้ข้างๆสระโบกขรณี เป็นที่ยินดี และชอบใจของเทวดาและนางฟ้า
🌻..สวนนันทวัน..
ท่านสุนันทาเป็นภรรยาคนที่ ๓ เห็นท่านสุจิตราปลูกสวนดอกไม้ ท่านก็คิดว่า คนที่เดินทางมาอาจจะหิว ในเมื่อมีศาลาพัก มีน้ำกินน้ำอาบ มีดอกไม้ทัดทรง แต่ยังขาดอีกอย่างหนึ่งคือความอิ่ม
ท่านจึงสั่งให้คนปลูกสวนผลไม้มีทุกประเภทที่คนนิยมเวลานั้น มาปลูกข้างๆสระ เป็นสวนใหญ่มาก เมื่อคนเดินทางไปมาหิวก็จะได้กินผลไม้แล้วได้พักผ่อน ก็มีความอิ่มหนำสำราญดี เป็นที่ชอบใจของคนเดินทาง
เมื่อท่านสุนันทาตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานใหญ่โตสวยสดงดงาม ๑ หลัง และมีสวนนันทวันเป็นสวนผลไม้ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับสระโบกขรณี อยู่ทางทิศตะวันออกของเวชยันตวิมาน ภายในสวนมีผลไม้ทิพย์ทุกอย่าง
🌻#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
#เพจคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
Moddam Thammawongพิมพ์ธรรมทานจากหนังสือตายไม่สูญ..แล้วไปไหน หน้า ๑๓๙-๑๔๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น