10 มกราคม 2564

คนมีฤทธิ์

สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ   
ขอนอบน้อมต่อ
องค์พระผู้สร้าง
รับสาส์นวันที่10 ม.ค.64

  คุณ และโทษ
ในการหลงฤทธิ์
ผู้ใช้ฤทธิ์ ผู้มีฤทธิ์ 
 ผู้มีตัวตน    

 คุณของผู้มีฤทธิ์ การมีฤทธิ์นั้นมิใช่ใครจะมีได้ทุกคนเกิดจากการสะสมบำเพ็ญเพียรมานับภพนับชาติไม่ถ้วนด้วยการฝึกสมาธิ ฝึก อภิญญาญาณขันติบารมีและเป็นผู้มีญาณหยั่งรู้ มีทั้งบารมีที่สะสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน นับชั่วกัปชั่วกัลป์ แห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร คุณแห่งผู้มีฤทธิ์ จะต้องมีปัญญาควบคู่ในการใช้ฤทธิ์ นั้นให้เกิดคุณประโยชน์ สามารถหยั่งรู้ เห็นอนาคตมองเห็นภายภาคหน้า มองเห็นอดีตชาติ ทับซ้อนไม่ถ้วน เรียกว่าได้สั่งสมบุญบารมีมานับภพนับชาติ ไม่ถ้วนหากมีคุณประโยชน์ จะได้ช่วยเหลือผู้คนให้รอดพ้นจาก ภยันอันตราย และรวมถึงการบอกกล่าวแจ้งเตือนให้ผู้คนระมัดระวังภัยที่จะเกิดภายภาคหน้ามีการเตรียมการ เตรียมความพร้อม ไม่หลงลืม และประมาท 

 คนที่ใช้ฤทธิ์ให้เกิดคุณนั้นสามารถหยั่งรู้ดินฟ้า เเละเห็นความเป็นไปได้อย่างแม่นยำ มองเห็นอนาคตกาลได้ก่อนผู้อื่น เพื่อเป็นการเตือนผู้คนให้ระแวดระวังภัยที่จะเกิดภายภาคหน้า คุณของผู้มีฤทธิ์จะต้องสะสมบารมีด้วยการเคร่งครัดในศีล เคร่งครัดในความดีบำเพ็ญตบะบารมี ข้ามภพชาติ สามารถหยั่งรู้อดีตชาติปัจจุบันชาติ และอนาคตกาล         

   ผู้มีฤทธิ์มีได้ทั้งปัญญาญาณ อภิญญาญาณ เจโตปริยญาณ สามารถมีทั้งจักษุทิพย์ หู อันเป็นทิพย์ จิตอันเป็นทิพย์ และมีทั้งผัสสะคือ สัมผัสได้ถึง อายตนะ ผู้มีฤทธิ์ต้องรู้จักคุณประโยชน์ และใช้ฤทธิ์ในการช่วยเหลือผู้คนจึงจะเรียกได้ว่าไม่ติดหลงยึดติดในฤทธิ์ ที่ตัวเองมีทั้งหมด รวมไปถึงผู้ที่เป็นพระอรหันต์ สามารถมีฤทธิ์ได้ด้วยบุญบารมีสะสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ผู้เป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย จะพึงระมัดระวังในการลงฤทธิ์ เพราะคำว่าฤทธิ์นั้นทำให้ตัวหลง และอัตตา ตัวตนที่มีสามารถทำร้ายผู้มีฤทธิ์ ทั้งหลายแม้บำเพ็ญตบะ บารมีมาแล้วก็ตาม   

จะเห็นได้จากความหยั่งรู้และระลึกได้หมายรู้แห่ง ผู้มีปัญญาแห่งธรรม   

ผู้มีฤทธิ์หากมีจิตใจที่หลงฤทธิ์เรียกว่าความหยิ่งผยองในอัตตาตัวตนว่าเป็นผู้อยู่เหนือผู้อื่น หยั่งรู้ดินฟ้าสามารถมองเห็นมากกว่าผู้อื่นได้ยิน และรับรู้ได้มากกว่าผู้อื่น เมื่อเกิดตัวหลงฤทธิ์ในจิตใจจะไม่สามารถตักเตือนให้เชื่อฟัง จะขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน คิดว่าตัวเรานั้นเป็นผู้วิเศษมีฤทธิ์มากกว่าผู้อื่น มีจักษุทิพย์ มีหูทิพย์ มีจิตอันเป็นทิพย์ ตัวหลงฤทธิ์นี้ จะเป็นตัวทำลาย ให้ผู้มีฤทธิ์เกิด ความหยิ่งยโส ความหยิ่งผยอง ความมีอัตตาตัวตน คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสเหนือกว่าผู้หนึ่งผู้ใด มีทั้งเมฆหมอกความขุ่นมัวบดบังจิตใจ ให้มองไม่เห็นสภาวะธรรมที่แท้จริง 

 ตัวลงฤทธิ์ปิดกั้นธรรม ในจิตใจ ปิดกั้นปัญญาแห่งความรอบรู้ ปิดกั้นความมีอยู่จริงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตัวลงฤทธิ์มักจะทำร้ายผู้มีฤทธิ์เอง เพราะความมีฤทธิ์ทำให้คิดว่าตัวตนที่มีไม่มีอยู่จริง  

 มักมีข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง และเชื่อมั่นในความรอบรู้ของตัวเอง ปัญญาแห่งธรรม ต้องรู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันอารมณ์ รู้เท่าทันสภาวะรัก โลภโกรธและหลง และรู้มารในจิตใจความอิจฉาริษยา และรู้ถึงมาร แห่งความยึดมั่นถือมั่นแห่งความมีอัตตาตัวตน แห่งความหลง ทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีฤทธิ์จะถูกลงโทษหนักกว่าผู้อื่น 

 เมื่อมีสติไม่รู้เท่าทันอารมณ์ตามกิเลสในจิตใจไม่ได้ ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายเปรียบได้ดังเช่นบัวที่เพียงแค่ปริ่มน้ำ มิใช่บัวพ้นน้ำ เมื่อมีความรู้มากก็เปรียบได้กับ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด อย่าให้กิเลสบดบังจิตใจแห่งความงดงามดีงาม กิเลสทั้งหลาย ความโลภโกรธหลงอิจฉา ติฉินนินทาว่าร้ายผู้อื่น ความเห็นผิดเป็นชอบ ผู้มีอัตตาตัวตน นั้นน่ากลัวยิ่งนัก

  เมื่ออัตตาตัวตนที่มี ทำให้ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายเห็นความวิเศษวิโส ความอหังการ ความโอหัง ความรอบรู้ ปัญญาแห่งความดีไม่เกิดขึ้น แต่เป็นเครื่องกั้นปัญญาแห่งธรรมอันแท้จริง ผู้มีฤทธิ์ และผู้หลงฤทธิ์นั้นต้องเข้าใจสภาวะธรรม ที่แท้จริง   

การโกหกตัวเอง และหลอกตัวเองเป็นการปิดบังความชั่วในจิตใจโดยไม่รู้ตัว จงพึงระมัดระวังจิตใจเป็นสำคัญ แม้นเป็นผู้บรรลุอรหันต์ แม้นมีกิเลสเข้าครอบงำ บทลงโทษนั้น นักหนายิ่งนัก ความเข้มงวด ผู้ที่เป็นถึงผู้บรรลุถึงขั้น เมื่อถูกพิพากษาลงโทษ ยิ่งหนักกว่าผู้เป็นมนุษย์ธรรมดา 

  กาย และจิตเป็นหนึ่งเดียว จงเตือนตนเองด้วยสติ และปัญญาแห่งธรรม ไม่หลงลืมความจริง ความดี ความงาม ความมีอัตตาตัวตน คือความหลงติดดี คิดว่าทำดีแล้วนี่คือความดีเรียกอีกอย่างความหลงในตัวตน 

  ความติดดีในดีคือ ความหลงโดยไม่รู้ตัว จงใคร่ครวญพิจารณา ด้วยปัญญา และสภาวะธรรม บทลงโทษผู้หลงติดฤทธิ์ติดดี หนักยิ่งนัก เปรียบดังเก็บมีดอันคม แล้วทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว มีดอันคมเปรียบดังปัญญาอันเฉียบแหลม แต่หากมีปัญญาไม่เห็นสภาวะธรรม สิ่งเหล่านี้จะคอย ทำร้ายผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายในความมีอัตตาตัวตนในความหลงดีนั่นเอง 

  พึงระมัดระวังแม้นความรอบรู้มองไม่เห็น แต่จิตนั้นเป็นผู้บันทึกทั้งหมดทั้งสิ้น จิตเป็นตัวกำหนด และรู้เห็นความเป็นไปของผู้มีอัตตาและผู้ไม่มีอัตตา 

 แม้นทำความดี ให้ความดีเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และให้พึงระวังกายจิตที่บันทึกบาป และบุญให้เห็นเป็นประจักษ์ 

  ตราชั่งนี้บอกได้ถึงคุณ และโทษที่จะได้รับทั้งหมดทั้งสิ้น กฎแห่งสวรรค์เข้มงวด พึงระวังกาย และจิตให้จงหนัก อย่าให้ความมีอัตตาตัวตนทำร้ายตัวตน  

สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ
สาธุพระพุทธเจ้าข้าฯ

ขอบคุณที่มา  รวมเป็นหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...