นั้นพรที่ดีที่สุดก็คือการชำระล้างบาป การชำระล้างบาปไม่ได้เรียกว่าการไถ่โทษ เพราะไม่มีใครพระอินทร์เจ้าที่ไหน ยมบาลที่ไหนก็ตาม..ไม่ว่านรกขุมไหนไม่สามารถชำระล้างบาปให้เราได้ หรือเปลี่ยนบัญชีให้เราได้ นอกจากเรานั้นชำระล้างจิตของเราเองด้วยการมีสติ ระลึกนอบน้อมเข้าถึงคุณในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นก็คือคุณพระรัตนตรัย
เมื่อเรามีความนอบน้อมมนุษย์ทั้งหลายยังไม่เข้าใจถึงพระรัตนตรัยนั้นคืออะไร ความนอบน้อมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอย่างไร ความนอบน้อมนั้นคือมีใจที่เคารพ มีใจที่เคารพเป็นอย่างไร มีความอ่อนน้อม มีความเชื่อและศรัทธา นั่นแหล่ะเรียกว่าเราเข้าถึง..
ถ้าเรายังไม่มีความเชื่อและศรัทธา นั้นความเข้าถึงและความนอบน้อมที่จะมีกำลังก็ไม่เท่ากัน บางคนศรัทธาน้อยบางคนศรัทธามาก บางคนยังไม่ศรัทธา นั้นขอให้รีบไปพิจารณาดู ใครก็ตามที่ยังไม่มีสรณะเป็นที่พึ่ง จะไม่สามารถอยู่รอดปลอดภัยในโลกหน้านี้ได้ จะมีภัยทั้งหลายต่างๆนาๆเข้ามาถาโถม
ก็อย่างที่บอกว่าทำไมในยุคนี้จึงมีครูบาอาจารย์ที่เค้ามาสร้างท่าเรือ สร้างเกราะให้มนุษย์ที่มีบุญมีวาสนา มีปฏิปทาต่อครูบาอาจารย์องค์นั้นๆ ให้ได้ร่วมไปสร้างบุญกุศลบารมีไปอธิษฐานภาวนา..ก็เพื่ออะไร ก็เพื่อจะสร้างเกราะป้องกันภัยตัวเราเอง ให้รู้คุณค่าของชีวิตและจิตวิญญาณที่ได้เกิดมา นั่นก็เรียกว่าเป็นการรับตัว หรือเรียกว่าเรานั้นได้ไปขึ้นเรือ
เปรียบเหมือนสถานที่แห่งนี้ก็เป็นท่าเรือแห่งหนึ่ง ที่พวกโยมนั้นเคยมีเชื้อมีบุญกุศลวาสนาต่อท่านสมเด็จฯ ดังนั้นแล้วไม่ว่าเราจะศรัทธาต่อองค์ท่านอย่างไรในคำสอน หรือปฏิปทาอันใดก็ตาม หรือมีบุพกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเอ่ยนามก็ดี ระลึกก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการท่องบทในพระคาถาชินบัญชรก็ดี ทำให้เรานั้นมีความปิติ มีความนอบน้อมและศรัทธาในองค์ท่านก็ดี เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญา..สัญญาที่เรานั้นเคยมีบุพกรรมวาสนา แล้วมันจะทำให้เรานั้นได้เชื่อมต่อและเข้าถึงพระรัตนตรัยได้
นั้นสิ่งใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นการสาธยายมนต์ ภาวนาเจริญมนต์ อธิษฐานจิตก็ดี ล้วนเหล่านี้เป็นการสร้างกระแสให้เข้าถึงคุณของพระรัตนตรัย ดังนั้นเมื่อเรายังไม่มีหลัก..เราก็ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นตัวยึดเหนี่ยวรั้งเหมือนตะขอ เพื่อดึงสติให้เรานั้นให้เข้าถึง เพราะว่าความชั่วอกุศลจิตนั้นมันเกิดขึ้นได้ง่าย ก็เพราะกำลังนี้แห่งอกุศลกรรมนี้มันมีมาก พอเราจะทำความดีสร้างกุศล อำนาจแห่งอกุศลทั้งหลายมันก็ชอบมาตัด มาบั่นทอนกำลังสติของเรา
ดังนั้นเมื่อเรามีสติในยามที่มนุษย์ผู้ที่ร่วมพรหมจรรย์ด้วยกัน มาร่วมอธิษฐานจิต มาร่วมภาวนา มาร่วมเจริญมนต์เหล่านี้ ล้วนเป็นตัวช่วยหนุนนำ ดึงหนุนจิตให้เรานั้นที่จะข้ามพ้นนิวรณ์ได้ แล้วเสริมให้จิตเรามีกำลัง เมื่อจิตเราไปอยู่ในห้วงสภาวะของกลุ่มแห่งธรรมธาตุที่มีกำลังแห่งพุทธคุณ ก็ย่อมทำให้จิตเรานั้นมีกำลังเสริมเข้าไป..
ดังนั้นแล้วการสวดมนต์เป็นกลุ่มเป็นก้อนจึงมีความสำคัญ เพราะถ้าอินทรีย์เรามันยังอ่อน มันก็ช่วยทำให้อินทรีย์เรานั้นผ่องใสขึ้นได้ แล้วยิ่งมีสถานที่ที่มีความศักดิสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นองค์พระปฏิมากร หรือครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์ก็ดี แม้จะเป็นรูปปั้นรูปเหมือน แต่อย่าลืมว่านั่นก็มีจิตวิญญาณอยู่
เพราะว่าจิตวิญญาณมันไม่ได้สลายไปจากโลกธาตุนี้ แต่กายสังขารเราเป็นของสมมุติ แต่จิตวิญญาณเป็นของอมตะ ดังนั้นเมื่อมีนามมีรูปจึงมีจิตวิญญาณ เมื่อจิตเราเข้าถึงรู้นามแล้วระลึกได้ เราก็จะเข้าถึงพลังพลานุภาพบุญกุศลและบารมีปฏิปทาของท่านได้
ดังนั้นเมื่อเรายังไม่เข้าถึงในกระแสพระรัตนตรัย คือเข้าถึงคุณงามความดีได้อยู่ตลอดเวลา หรือนั่นก็คืออำนาจแห่งศีล แห่งความสงบจิตสงบกายและใจ เราก็ต้องอาศัยสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราเข้าถึง..ว่าเชื่อและศรัทธาในบุญกุศลและบารมีท่าน เพื่อจะเชื่อมต่อให้เข้าถึงกระแสพระรัตนตรัย เมื่อเราเข้าถึงกระแสพระรัตนตรัยได้แล้ว เราจะเข้าถึงกระแสพระนิพพานก็คือความสงบเย็นของจิต..
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น