11 มกราคม 2564

คนที่มาจากพรหม

     เทวดาหรือพรหมนี่ ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องลงมาเกิด มันไม่ใช่ว่าจะไปนั่งทรงตัวเป็นเทวดาหรือพรหมได้ จาตุมหาราชนี่เขามีอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ แต่ทว่าวันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ ใช่ไหม ในเมื่อหมดเกณฑ์หมดอายุนี่ต้องลง แต่ทว่าวันหนึ่งแต่ทว่าส่วนมากไม่ใช่ลงมานี่ก่อน ถ้าหากชั้นจาตุมหาราช นั่นแสดงว่าเราเคยได้ฌานมาก่อน ไอ้ฌานสมาบัติน่ะนะ นี่ไอ้แกทำมโนมยิทธิได้ฌานก่อน แล้วเวลาจะตายคือ ฌานไม่ถึงฌาน ๔ ๑,๒,๓ นี่นะเวลาจะตายไม่ได้เข้าฌานตาย ใช่ไหม ตายแล้วต้องไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช เพราะถือว่าเป็นเทวดาที่มีอารมณ์เข้มแข็งมาก มีฤทธิ์มาก ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีฤทธิ์มากที่สุดกว่าทุกชั้น จึงจัดว่าเป็นทหารของพระอินทร์ ถ้าเวลาจะตายถ้าเข้าฌานตายต้องไปเป็นพรหม ใช่ไหม ถ้าเวลาตายไม่ได้เข้าฌานก็ต้องไปอยู่ชั้นนี้ อยู่ชั้นนี้ครบอายุขัยของเทวดา จะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็เหมือนกัน เป็นชั้นที่มีฤทธิ์มาก เป็นนักรบ พอจบจากชั้นนี้แล้ว พอเขาขึ้นมาถึงชั้นนี้ปั๊บ ขึ้นไปไม่กี่วัน เขาปรับปรุงอารมณ์เขาเป็นฌาน ฌานก็ขึ้นตามเดิม พอเสร็จกิจ คือหมดวาระก็จากนี่ไปสู่พรหม จากพรหมก็เสด็จลงมามนุษย์ซิ บางทีเผลอพุ่งตัวแรงลงนรกไปเลย

   อ้าว!ลงเยอะเลยที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พรหมที่จุติจากพรหม จะเกิดเป็นพรหมใหม่ หรือจะลงค้างที่เทวดาหรือเป็นมนุษย์ก็หายาก ส่วนมากมักจะลงอบายภูมิ เทวดาที่จุติ กับเทวดาที่จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ หรือจะเกิดเป็นมนุษย์ก็หายาก ส่วนมากลงอบายภูมิเพราะอะไร เพราะว่าคนพวกนี้ก่อนตอนต้นทำความชั่ว ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยเขานี่นะ แล้วต่อมาปลายมือสร้างความดีทำฌานสมาบัติให้เกิดขึ้น ถ้าตายแล้วไปรับผลสุคติก่อน พอลงมาถึงต้องใช้หนี้เขาสิ ใช่ไหม นี่เป็นแบบนี้ เป็นอย่างนั้น อย่างพวกเราที่ไม่ลงนรกก็บุญตัวเต็มทีละ ฮึ! และไม่ลงหมายถึงเศษของกรรมนั้นมันตามไม่ทัน

   อันนี้เศษมันตามไม่ทันเป็นอย่างนี้ คือว่าเวลาที่ไปเป็นเทวดาหรือพรหมไปทำต่อ คือทำอารมณ์ที่เป็นกุศลต่อ ไอ้ตัวบาปมันก็เกาะไม่ติดใช่ไหม มาถึงค้างมนุษย์ มันเอาเต็มที่ไม่ได้ เก็บเศษเล็กเศษน้อยป่วยไข้ไม่สบายนี่ ถูกเขาแกล้งบ้าง อะไรบ้าง นี่เราต้องปล่อยมันไปเลยถือว่าเป็นเศษนิดเดียว มันเก็บแต่เศษนิดเดียวก็แค่ชาติเดียวเท่านี้ มันจะอย่างไรก็ช่างมัน ต้องตัดสินเป็นอุเบกขาไปเลย ถือว่านี่เราใช้กฎของกรรม แต่ไอ้กฎของกรรมนี่มันเป็นกฎเล็กๆ น้อยไม่ใช่ของใหญ่ ถ้าเราเสด็จไปลงนรก โอ้โฮ! ดีไม่ดีพระเทวทัตอาย เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเทวทัตพอสิ้นศาสนานี้ขึ้นมาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระเทวทัตนิพพานไปตั้งหลายกัป พระปัจเจกพุทธเจ้าก็นิพพาน พระพุทธเจ้าก็นิพพาน พระอรหันต์นิพพานเป็นแสน เรายังไม่ขึ้นเลยนอนสบายยิ้มแผล่อยู่ในสถานที่ปลอดภัย

   คือว่ากำลังของพวกที่ได้ฌานไปเป็นพรหม คนที่มาจากพรหม ถ้าโดยชาวบ้านเขาว่านะ ถ้าโดยสันดานแล้ว เป็นคนจองหอง เขาว่าอย่างนั้น แต่พวกที่มาจากพรหม ถ้ารู้ใจก็เลี้ยงง่าย ต้องอาศัยเหตุผล ถ้าไปขู่เข้ามันสู้ ถ้าพูดดีเขาลดตัว พรหมทุกคนเหมือนกันหมดพวกนี้ต้องอาศัยเหตุผล เพราะเขามาจากฌานใช่ไหมคุณ พวกที่มาจากฌานสมาบัตินี่ คนที่ทรงฌานเขาต้องมีเหตุมีผล ใช้กุศลเดิม ไอ้ที่เรามาเกิดเป็นคนสุขบ้างทุกข์บ้างเพราะอกุศลกรรมเก่า แต่มันก็เป็นเศษ ว่ามันเป็นเศษ เนื้อแท้มันเอาเราไม่ได้

   อย่างฉันนี่วันนั้นมาตอนต้นๆ เมื่อบวชใหม่ๆ ตอนไปเที่ยวนรกได้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กไม่ได้คิดอะไรนะ ไปเที่ยวดูเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก พอมาเป็นพระเข้าพอไปชักใจไม่ค่อยดี ใจไม่ค่อยดี กลัวจะดันหล่นป๋องไปซิ ก็เลยวันหนึ่งกำลังนั่งกรรมฐานแบบสบายๆ ก็ไม่คิดจะไปไหน ไม่ต้องการจะรู้ ไอตัวนี้เป็นจิตปกติด มันมีความสุข แต่ว่าอารมณ์ตอนกลางวันไปนอน นอน นั่งคิด นึกคิดถึงภาพของนรก คิดถึงไอ้ภาพของกรรมที่เป็นอกุศลในชาตินี้ เพราะทำบุญไว้มากยิงคนไว้หลายสิบ ใช่ไหม บุญมากก็ไปนั่งนึก เอ..ไอ้กรรมที่เป็นอกุศลอย่างนี้เวลาเราจะตายมันจะดึงเราลงนรกหรือเปล่า คิดตอนกลางวันนะ เวลาเจริญกรรมฐานเขาไม่ได้คิดกันแล้ว อารมณ์นี่เขาทิ้งไป ก็มานึกขึ้นมาได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านห้ามสิ่งใดที่ล่วงมาแล้วจงอย่าตามนึกถึงใช่ไหม ไอ้ล่วงมาแล้ว นึกถึงก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ เขาด่าเรามาเมื่อวานนี้ วันนี้จะมานึกโกรธมันก็ไอ้แค่นั้นแหละ เขาด่าไปแล้ว นั่นเขามาด่าคืนอีก ถ้าจะแย่มั้ง ชโลทัย อรัญ มันโกรธ ก็ไอ้ห่า..มึงด่ากูเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวๆ กูขอด่าคืน เอาไหม (ไม่เอา) ถ้าไม่เอาเราก็ต้องทิ้งมันไปเลย ถ้าอยากจะใช้หนี้ให้มันหมดไป ให้เขามาด่าคืนเสียใหม่ ถ้ามันด่าผิด บอกไม่ใช่เมื่อวานมึงด่าไม่ด่าอย่างนี้นี่หว่า ด่าคนละอย่างต้องด่าให้ถูก แกไม่เอาฉันก็แย่ซิ

 อ้างอิง – หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๕๗ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง หน้า ๑๓-๑๕

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...