หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านเล่าว่า...
“ช้างตัวนี้เป็นพญาช้าง นัยน์ตาทั้งคู่สวยงามราวกับแก้วมณี มีกายสง่างาม พระโพธิสัตว์ปกครองช้างบริวารจํานวนมากให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก”
คราวหนึ่งมีฝูงช้างบริวารเหยียบยํ่านาข้าวของชาวบ้าน ช้างพระโพธิสัตว์เห็นดังนั้น จึงเอางวงจับข้าวกล้าที่ล้มระเนระนาด ทําให้ต้นตรงขึ้นมาใหม่
ช้างพระโพธิสัตว์ไม่ทําลายคน รู้ภาษาคน เวลาเดินขึ้นภูองอาจสง่างาม เอางาถูกิ่งไม้ต้นไม้และพื้นดินเป็นทางยาว บริเวณทางเดินใดที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มันก็ใช้เท้าเกลี่ยให้สมํ่าเสมอ
“บักงาลาก” “ไอ้งาลาก” มันเดินขึ้นภูเขา งามันยาวครูดดินขึ้นไปเป็นรอย ช้างบริวารคอยเกลี่ยดินปิดร่องรอย พวกนายพรานคนบ้านแก่งม่วง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูหลวงไปนอนรอดักยิง
“พวกนายพรานขึ้นภูหลวงพยายามล่าช้างใหญ่ตัวนี้หลายครั้งหลายหน พยายามมานาน แม้ขณะกินหญ้าพวกช้างบริวารก็พากันแวดล้อมช้างพระโพธิสัตว์ไว้ทุกด้าน ด้วยความที่กลัวคนรู้ว่าเป็นพญาช้างเผือก ช้างบริวารทั้งหลายต่างช่วยเอาขี้โคลนทาตัวพญาช้างเผือกไว้เพื่อมิให้ใครรู้”
แม้อารักขาขนาดนั้น พวกนายพรานก็ยังฆ่าจนได้ พอพวกมันฆ่าช้างใหญ่ได้แล้วจึงตัดเอางา งามันใหญ่และยาวมากเหลือหลาย พวกนายพรานแบกลงมาไม่ไหว จึงมัดเชือกหาบเดินลงมาตามลําห้วย
#ด้วยผลกรรมอันแรงกล้าฆ่าช้างพระโพธิสัตว์
ถือเป็นบาปใหญ่หลวงให้ผลเร็วมาก นายพรานที่ฆ่าช้างพระโพธิสัตว์จึงมีชีวิตอยู่บนพื้นโลกมนุษย์ได้เพียง ๓ วัน เท่านั้น ก็พากันล้มตายลงทุกคน ปัจจุบันเขาเอางาช้างนั้นไปซ่อนไว้ ไม่ยอมเปิดเผย ไม่บอกใคร งามันใหญ่และยาวมาก
ถึงเป็นช้างพระโพธิสัตว์ แต่ก็ยังมีกรรม ยังไปถูกฆ่า เหมือนพระเทวทัตกับพระพุทธเจ้า พระเทวทัตตามจองล้างจองผลาญหมายเอาชีวิตพระพุทธเจ้าในหลายภพหลายชาติ
ตั้งแต่ช้างพระโพธิสัตว์ตัวนั้นล้มตายลง เพราะฝีมือนายพรานผู้ใจบาป จากนั้นมาช้างบริวารทั้งหลายไม่มีหัวหน้าคอยควบคุมอบรมสั่งสอน จึงดื้อรั้นออกมากินพืชผลตามเรือกสวนไร่นาที่เขาปลูกไว้ มันมาทําลายข้าวกล้า สิ่งปลูกสร้าง และทําร้ายผู้คน
#พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ...
#ในหมู่มนุษย์หรือหมู่สัตว์ ต้องมีผู้นําที่ทรงธรรม จึงจักอยู่ร่มเย็นเป็นสุข... ”
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น