11 มกราคม 2564

ไม่มีใครเลยจะภาวนาจิตแล้วจิตนั้นตั้งมั่นได้ตลอดเวลา

ไม่มีใครเลยจะภาวนาจิตแล้วจิตนั้นตั้งมั่นได้ตลอดเวลา ไม่มีใครเลยแม้สาธยายมนต์อยู่ จะมีสมาธิสตินั้นจดจ่ออยู่ในการสวดอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราทำอยู่บ่อยๆทำจนชินเป็นของคุ้นเคยแล้วไซร้ เค้าเรียกเป็นการเจริญฌานไปในตัว อย่าคิดว่าเมื่อในขณะเราสวดจิตเริ่มสงบมันมีความอยากที่อยากจะนั่งสมาธิ นั่นมันเป็นมานะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความอยาก เป็นตัณหาอย่างหนึ่ง..

เพราะการที่เราสวดมนต์อยู่..นั่นก็ชื่อว่าสมาธิ เพราะคนที่มีสมาธิย่อมมีกำลังที่จะสวดมนต์นั้นเสียงกังวาล คือเรียกว่าพลังแห่งจิต ไม่ได้บอกว่าเมื่อสวดๆไปจิตเริ่มสงบเสียงเริ่มหาย..ไม่จริง โยมขี้เกียจ เราต้องตั้งจิตตั้งใจ เพราะนั่นเรียกว่าเรากำลังเจริญทานอย่างหนึ่ง เรียกว่าทานแห่งเสียง 

ถ้าทานเรานั้นยังทำไม่ถึง..แล้วบอกจะไปเจริญศีลเจริญภาวนา..มันก็จะเจริญได้ไม่นาน มันเป็นแค่ความสงบ ดังนั้นแล้วในขณะที่เราเจริญทานในการสาธยายมนต์ อย่างน้อยจิตเรานั้นยังได้ประโยชน์ เมื่อจิตเราได้ประโยชน์ในเสียงทำให้เราสงบได้ จิตวิญญาณผู้อื่นก็ยังได้รับประโยชน์ไปอีกอย่างนี้ 

นั้นการที่เราสวดมนต์อยู่ขอให้โยมมีความตั้งใจ สวดให้จิตเรานั้นตั้งมั่น สวดให้ถูกในอักขระ สวดให้มีใจที่นอบน้อม นั่นเค้าเรียกว่าอานิสงส์มหาศาล อย่างที่ฉันบอก..การสวดมนต์คือการเชื่อมต่อให้เกิดกระแสพระรัตนตรัย เพราะในขณะที่เราสวดมนต์อยู่จิตเรานั้นไม่มีเวรพยาบาทกับใคร 

ในขณะที่เราสวดมนต์อยู่จิตเราเป็นสมาธิ ในขณะที่เราสวดมนต์อยู่จิตเราเป็นฌาน ในขณะที่เราสวดมนต์อยู่เรากำลังสร้างทานบารมีแห่งเสียง เพราะสิ่งที่เราสวดมนต์ออกไปนั้นมันคือมงคลสูตร คำว่า"มงคล"คือสิ่งประเสริฐที่เรากล่าวออกมาจากวาจา นั่นจึงว่าเป็นกรรมที่ออกมาจากวาจา 

ถ้าใครยังไม่รู้ซึ้งถึงอานุภาพและอานิสงส์ของการสวดมนต์ พวกนี้ก็เป็นพวกโง่อีกเหมือนกัน เพราะการสวดมนต์นี้สามารถเข้าลัดตัดตรงเข้าพระนิพพานได้ง่าย ถ้าพวกโยมเจริญมนต์เช้า-เย็น เช้า-เย็นอยู่ตลอดจนสิ้นอายุขัย อานิสงส์ย่อมทำให้เข้าถึงแดนเกษมพระนิพพานได้ จะมีแก้วผนึกรอบล้อมเป็นวิมาน..

ดังนั้นเพียงแค่โยมระลึกถึงบทสวดมนต์ จิตโยมจะเย็นและสว่างวาบ ทำให้จิตนั้นตื่นขึ้นมา ดังนั้นขอให้พวกโยมมีความเชื่อให้เข้าถึง ใครเข้าถึงได้มากจิตย่อมมีกำลังมากในสิ่งนั้น นั้นคำว่าพรปีใหม่..พรก็คือสิ่งที่ได้ทำให้เกิดสติ ฉันก็จะบอกว่าฉันกำลังจะเตือนสติพวกโยมว่า..กาลในข้างหน้าที่จะถึงอย่างที่ฉันบอกภัยมันกำลังเริ่มจะมาเข้าสู่พระนคร นั่นหมายถึงว่าโลกใบนี้กำลังอ่อนล้า.. 

หัวเมืองต่างๆไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ ประเทศต่างๆก็ดีที่ถูกภัยพิบัติรุมเร้าให้เกิดขึ้นนี้ และที่สำคัญสงครามเงียบที่เรามองไม่เห็นตัวก็คือโรคระบาด เพราะมันพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นในยุคนี้ถ้ามนุษย์ใดไม่เจริญมนต์เจริญเมตตา หรืออโหสิกรรม..บุคคลผู้นั้นอยู่ในความประมาท อยู่ในความเป็นอันตราย

ทำไมถึงบอกว่ายุคนี้จะต้องตายเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็เพราะโรคนี้มันติดกันได้ง่าย เพียงแค่พูดก็ดี หายใจก็ดี สัมผัสก็ดี แต่มันมีอยู่หนึ่งอย่างว่าถ้าพวกโยมไม่ได้ทำกรรมมากับไอ้คนนี้..กับคนนี้ มันไม่สามารถจะเป็นพาหะได้ เพราะบุคคลผู้นั้นเค้ามีภูมิต้านทาน เข้าใจมั้ยจ๊ะ

นั้นแสดงว่าอันว่าโอสถหรือยานี้..มีอยู่ในตัวมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : มีครับ) เพราะมนุษย์มีภูมิต้านทานหรือไม่ (ลูกศิษย์ : มีครับ) ถ้าใครภูมิต้านทานอ่อน มีภูมิต้านทานบกพร่อง..ไม่ต้องเป็นโรคอะไรหรอกจ้ะ เค้าเรียกว่าเป็นโรคภูมิแพ้ภูมิตัวเอง เข้าใจมั้ยจ๊ะ ดังนั้นแล้วการที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันโยมแข็งแรง โยมต้องมีการเจริญภาวนา การอธิษฐานจิตบารมี การอโหสิกรรม.. 

อันว่าอานิสงส์ของการอโหสิกรรมมีประโยชน์อย่างไร จะทำให้เราบั่นทอนตัดทอนพวกเจ้ากรรมนายเวรนั้นไม่ให้เข้ามาใกล้เรา เข้าใจมั้ยจ๊ะ ก็กระแสบุญกุศลที่เราอธิษฐานแผ่เมตตาไปนั่นแล มันจะเป็นวงล้อมรัศมีปกป้องคุ้มครองเรา หากใครมีตาที่มีญาณหยั่งรู้ มีจิตที่ละเอียด คนที่เจริญมนต์มีภาวนาจิต มีจิตตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย จะมีแสงรัศมีของความสว่างของกระแสแห่งธรรมห้อมล้อมเป็นวงรัศมีเหมือนวงแหวน เพื่อจะผลักดันต่อต้านพวกโรคร้ายที่มันแฝงมากับอากาศก็ดี กับมนุษย์ที่มีภาวะกรรมก็ดี

นั้นฉันไม่ได้กลัวที่พวกโยมนั้นจะเป็นโรคร้ายอะไรก็ตาม เพราะยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว ยิ่งมีพวกนี้เข้ามายิ่งทำให้เราต้องกระตือรือล้นมากยิ่งขึ้น เหมือนมันเตือนเราอยู่ตลอดเวลาว่าให้ทำความดี..การทำความดีมันเริ่มมีเวลาน้อยแล้วนั่นแล ถ้าใครคิดได้อย่างนั้นถามว่ามันเป็นประโยชน์หรือเสียประโยชน์..

มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...