“..ในปี พ.ศ.2518 อาตมาเดินทางไปภาคเหนือ ได้ไปพักที่วัดเม็งราย จังหวัดเชียงราย คราวก่อนเคยมาพักที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว คราวนั้นอากาศหนาวเมื่อนอนลงไป ก็เห็นพระสงฆ์องค์หนึ่งมีความสวยสดงดงาม กำลังหนุ่มมาโบกพัดให้ อาตมาจึงถามท่านว่า “อากาศมันหนาว โบกให้ผมทำไม” ท่านก็บอกว่า “ไม่เป็นไร ผมโบกให้แล้วมันอุ่น” และก็อุ่นจริง ๆ แต่มาคราวนี้ไม่พบพระองค์นั้น เมื่อนอนลงไปก็เห็นแต่ผีมาเป็นพัน ๆ นอนเฉย ๆ ไม่ได้เข้าฌาน เห็นผีมากมายมารับส่วนบุญกัน นอนพักทั้งสองคืนพบแต่ผีทุกคืนทั้งตอนเช้ามืดและหัวค่ำ
เมื่อผีมาหาในฐานะที่เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็อุทิศส่วนกุศลให้ แต่ทว่าคืนสุดท้ายมีเรื่องพิเศษคือ คืนนั้นเห็นผีมากันมากแล้วก็ผ่านไป ก็เห็นพระสงฆ์เดินมาใหม่ประมาณสัก 200 องค์เศษห่มผ้าสีกรัก แต่ว่าผิวไม่สวยเหมือนกับพระองค์นั้นที่เคยเห็น ไม่มีอาการผ่องใส ท่าทางการเดินสงบเสงี่ยมมาก เห็นแล้วน่าเลื่อมใส น่าไหว้น่าบูชา เดินตรงเข้ามาไม่ทันจะถึงตัวก็หายไปหมด ก็สงสัยจึงถามลูกศิษย์ของท่านท้าวมหาราชซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ว่า
“พระพวกนั้นท่านจะมาเยี่ยม แล้วท่านหายไปไหน” ลูกศิษย์ท่านท้าวมหาราชตอบว่า “นั่นไม่ใช่พระอรหันต์นะขอรับ องค์ก่อนที่ท่านพบนั้นเป็นพระอรหันต์ แต่คณะนี้ไม่ใช่” จึงถามว่า “พระพวกนี้เป็นอะไร” ตอบว่า “พวกนี้เป็นเปรตขอรับ ตั้งใจจะมาขอส่วนบุญ แต่ว่ากำลังของกฎแห่งกรรมที่เป็นอกุศลยังมีอยู่มาก จึงยังไม่มีโอกาสจะรับโมทนาได้ เมื่อมาแล้วจึงได้หายไป” อาตมาสงสัยถามว่า “พระพวกนี้น่ะหรือเป็นเปรต และเปรตรูปร่างเหมือนพระมีหรือ” ตอบว่า “ถ้าหากทำความชั่วในระหว่างเป็นพระและก็ตายระหว่างเป็นพระ ก็จะแสดงภาพเดิมที่เป็นพระให้ปรากฎ”
เมื่อท่านตอบอย่างนี้ก็นึกถึงว่าเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือแปลบาลี ก็เคยพบเปรตที่มีรูปร่างเป็นพระบ้าง เป็นเณรบ้าง เป็นนางภิกษุณีบ้าง มีไฟไหม้ตลอดตัว มีสรรพาวุธเสียบแทงอยู่ตลอดเวลาก็มีมาก มีแร้งมีกาจิกกินอยู่ตลอดเวลาก็มี จึงถามว่า “พระพวกนี้ความจริงจริยาก็ดีกว่าฉัน แต่ทำไมพวกท่านจึงไปนรก” ตอบว่า “ก็เพราะว่าห่มผ้าสีกรักแสดงตนว่าเป็นคนบริสุทธิ์ ทำท่าสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เคร่งครัดมัธยัสถ์ เหมือนกับพระเทวทัต แต่ว่าน้ำใจของท่านไม่ใช่พระ ไม่ได้ปฏิบัติให้ใจใสสะอาดตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงสั่งสอน
ฉะนั้นพระพวกนี้ตายไปแล้วจึงเสวยทุกขเวทนาในนรกนานพอสมควรแก่กฎของกรรม เมื่อพ้นนรกมาแล้วก็มาเป็นเปรตถึง 12 ระดับ เวลานี้เป็นปรทัตตูชีวิเปรตคือเปรตระดับที่ 12 แต่กรรมยังหนักอยู่จึงไม่มีโอกาสจะโมทนาได้ และก็ไม่สามารถจะเข้ามาใกล้ได้”
อาตมาฟังลูกศิษย์ท้าวมหาราชท่านอธิบาย ก็รู้สึกสลดใจว่า “พระก็ชอบลงนรกมากเหมือนกันเป็นเปรตก็มาก” ถ้าเราจะบูชาพระก็ควรจะบูชาพระที่เป็นสุปฏิปันโน ถ้าพระองค์ใดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันเป็นโลกธรรม และเราไปบูชาเข้าก็จะเป็นการให้กำลังใจโจร เพราะคนพวกนี้เป็นโจรปล้นความดีของพระพุทธศาสนา และก็ปล้นความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัทด้วย..”
*คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน เรื่องที่ 156 หน้า 327 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
🍃รุ่งทิพย์ เวทส์ คัดลอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น