05 มกราคม 2564

“พลังของจิตตานุภาพ"

มีเรื่องที่หลวงพ่อวิริยังค์บันทึกไว้เกี่ยวกับความอัศจรรย์ใจที่ได้เห็นหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ใช้อำนาจจิตสะกดจิตสามเณร 

เมื่อครั้งที่หลวงปู่กงมานำสามเณรวิริยังค์ไปฝากไว้กับหลวงปู่ฝั้น คืนหนึ่ง ขณะที่สามเณรวิริยังค์กำลังบีบนวดถวายหลวงปู่ฝั้นอยู่เพียงลำพัง ซึ่งเวลานั้น ดูเหมือนสามเณรองค์อื่น ๆ จะไปจำวัดกันหมดแล้ว อยู่ ๆ ก็มีสามเณรองค์หนึ่งเดินขึ้นบันไดมา ตาลืมนิด ๆ (ไม่เปิดตาเต็มที่) ตรงเข้าไปชงชาถวายหลวงปู่ฝั้น 

สามเณรวิริยังค์มองดูอากัปกิริยาของสามเณรองค์นั้นด้วยความงวยงง เพราะเป็นราวกับร่างไร้วิญญาณ ถวายชาหลวงปู่ฝั้นเสร็จแล้วก็เดินกลับออกไปทั้ง ๆ ที่ตาปรือ ๆ 

สามเณรวิริยังค์อดสงสัยไม่ได้ จึงกราบเรียนถามหลวงปู่ฝั้นว่า “ท่านอาจารย์ทำยังไง เณรจึงเป็นอย่างนั้น” หลวงปู่ฝั้นตอบว่า “มันอยากขี้เกียจ ต้องทรมานมันมั่ง” 

“หมายความว่าท่านอาจารย์สะกดจิตอย่างนั้นหรือ” สามเณรวิริยังค์ถามต่อด้วยความตื่นเต้น หลวงปู่ฝั้นตอบสั้น ๆ ว่า “ใช่” แล้วไม่พูดอะไรต่อ 

ตอนเช้า สามเณรวิริยังค์ก็ไปดักที่หน้ากุฏิของสามเณรที่พบเมื่อคืน สามเณรรูปนั้นกลับยืนยันว่าเมื่อคืนจำวัดในกุฏิตลอด ไม่ได้ออกไปไหน ทำให้สามเณรวิริยังค์มั่นใจว่าเป็นเรื่องจิตตานุภาพของหลวงปู่ฝั้นจริง ๆ

กาลต่อมา สามเณรวิริยังค์ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทตฺตเถร ได้กราบเรียนถามข้อค้างคาใจเกี่ยวกับจิตตานุภาพของหลวงปู่ฝั้น ซึ่งหลวงปู่มั่นเมตตาตอบว่า “ท่านฝั้นนั้น นับเป็นพระเถระที่มีพลังจิตสูงองค์หนึ่ง สามารถรวบรวมจิตใจหมายความว่าช่วยให้ผู้ที่จิตกำลังฟุ้งซ่าน สงบได้ รวมทั้งใคร ๆ ที่มานั่งใกล้ท่าน จะได้รับความเย็นใจด้วยพลานุภาพของจิตท่าน”

สามเณรวิริยังค์ยังถามต่ออีกว่า “ระหว่างหลวงปู่กงมา กับหลวงปู่ฝั้น ใครเก่งกว่ากัน?” หลวงปู่มั่นยิ้มแล้วพูดว่า “วิริยังค์ เธอคิดว่าอาจารย์ของเธอ (หลวงปู่กงมา) เก่งกว่าล่ะสิ” สามเณรตอบในใจว่า “ใช่” 

หลวงปู่มั่นอธิบายต่อว่า “ท่านฝั้นท่านเก่งทางฤทธิ์ ท่างกงมาท่านเก่งปัญญา เหมือนกับพระโมคคัลลานะเก่งทางฤทธิ์ พระสารีบุตรเก่งทางปัญญา แต่พระโมคคัลลานะนั้นไม่มีลูกศิษย์มากเหมือนพระสารีบุตร ปรากฏว่าพระสารีบุตรมีลูกศิษย์ที่เป็นพระอรหันต์มาก”

สามเณรวิริยังค์สนใจเรื่องจิตตานุภาพมาก เคยรบเร้าขอเรียนจากหลวงปู่ฝั้น แต่หลวงปู่ฝั้นกลับตอบว่า “อย่าเลยเณร เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเฉพาะตัว จะเอาอย่างกันไม่ได้หรอก .…อย่าคิดทำอย่างเราเลย เดี๋ยวจะเกิดฟุ้งซ่านเปล่า ๆ” 

หลวงปู่ฝั้นกล่าวขมวดตอนท้ายว่า “หากสามเณรจะทำจริง ๆ เราขอเตือนว่า อันว่ากระแสจิตนี้ หากว่ามันจะเป็นขึ้นมาจริง ๆ นอกเหนือจากทำให้เกิดพลานุภาพแล้ว ต้องดำเนินจิตเข้าสู่วิปัสสนา จึงจะถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า”

(เรียบเรียงจากหนังสือชีวิตคือการต่อสู้ ...อัตโนประวัติหลวงพ่อวิริยังค์)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...