ในปีพุทธศักราช 2548 รัฐบาลสวีเดนได้ทำการสำรวจ โดยหนึ่งในคำถามที่ได้ถามนักเรียนชั้นมัธยมก็คือ นักเรียนอยากเลือกนับถือศาสนาใด?
ผลสำรวจพบว่า 60% ของนักเรียนตอบว่า "พุทธศาสนา"
จำนวนชาวพุทธในประเทศเนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้นกว่า 1,500% จากปี 2541ถึงปี 2552 ในขณะที่ทวีปเอเชียเอง จำนวนชาวพุทธก็กลับพลิกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการยกเลิกนโยบายห้ามนับถือศาสนาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือการเกิดกระแสการเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาของชาวอินเดียวรรณะล่าง เพื่อต่อต้านระบบการแบ่งคนเป็นชนชั้นของฮินดู ทำให้จำนวนชาวพุทธในอินเดียจากเดิมที่แทบเป็นศูนย์ คือถือว่าไม่มี ขยับขึ้นมาเป็น 3.25% จากประชากรเฉียดหนึ่งพันล้านคนในปี 2551
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้พุทธศาสนากำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก??
1. หลักธรรมเรื่อง "อริยสัจ 4" ซึ่งสอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ (The logic of the Four Noble Truths which based on the causes and cures to our everyday suffering).
2. ความสอดคล้องของหลักคิดในทางพุทธศาสนากับหลักคิดในทางวิทยาศาสนาในเรื่องเหตุและผล (The compatibility of the Sciences with Buddha’s teachings).
3. คำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องมีชีวิตอยู่บนดาวดวงอื่นที่นอกเหนือจากโลกของเรา (The teachings are compatible with and talk about life on other planets).
4. มีคำสอนที่ปฏิเสธการแบ่งคนเป็นชนชั้นและชาติกำเนิด (The teachings on the evils of slavery and the caste system).
5. มีคำสอนซึ่งส่งเสริมสิทธิสตรี (The teachings on the equality of women).
6. มีคำสอนซึ่งจัดมนุษย์ว่าเป็นสัตว์เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ต่างกับสัตว์อื่น (The recognition of humans as members of the Animal Kingdom).
7. มีหลักการปฏิบัติสมาธิภาวนาที่ไม่ได้ให้แค่ความสงบ แต่นำไปสู่ "ปัญญา" คือการพิจารณาเห็นสรรพสิ่งตามที่มันเป็นจริง จึงมีเส้นทางที่ชัดเจนในการพัฒนาจิตวิญญาณของปัจเจกชน (A meditation technique beyond relaxation, but also for wisdom. There is a clear path for spiritual and personal development).
8. อายุขัยที่ยืนยาวกว่า 80 ปี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างความฉงนงงงวยให้กับผู้คน เพราะอายุขัยเฉลี่ยของคนเมื่อสองพันหกร้อยปีก่อน อย่างดีก็เพียง 35-40 ปีเท่านั้น (The longevity of the Buddha who passed away at the age of 80 when life expectancy was 35 to 40 at best then).
9. พุทธศาสนาไม่บังคับขู่เข็ญให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว หรือไม่สอนให้ศรัทธาโดยขาดปัญญากำกับ (There is no blind faith or unthinking worship in Buddhism).
10. มีหลักคำสอนซึ่งมุ่งส่งเสริมให้สงสัยและตั้งคำถามในหลักธรรมคำสอน ก่อนที่จะปักใจเชื่อและนำไปยึดถือปฏิบัติ ( Questions are encouraged and investigation into the teachings is allowed and important).
11. มีหลักการเรื่อง "กรรม" ซึ่งสอนว่ามนุษย์เป็นผู้รับผลจากการกระทำของตนเอง หาใช่จากอำนาจดลบันดาลจากพระเจ้าซึ่งไร้ตัวตน หรือสิ่งเร้นลับที่ไร้เหตุผล (Buddhism teaches to take full responsibility for all of our own actions).
12. มีหลักคำสอนซึ่งเห็นผลเชิงประจักษ์ได้ทันทีภายหลังการลงมือปฏิบัติ มิใช่ไปรอเสวยผลในโลกหน้าหรือชาติหน้าแบบศาสนาเทวนิยม (It can be approached, realized, and experienced, with immediate results).
13. มีเป้าหมายที่มากกว่าการได้ไปเสวยสุขยังสรวงสวรรค์ในโลกหน้า ซึ่งยังต้องวนเวียนอยู่ในกองกิเลสและความเบื่อหน่ายไปโดยไม่รู้จักจบสิ้น แต่มุ่งไปสู่การปลดปล่อยจิตจากพันธนาการของความอยากได้ อยากมี อยากเป็นโดยสิ้นเชิง จนจิตวิญญาณเข้าถึงอิสรภาพของอย่างแท้จริง (It teaches the goal beyond being rewarded in the afterlife, but to free one's mind from all forms of clinging that leads to an eternal bliss).
14. มีหลักธรรมซึ่งมุ่งสอนในเรื่องความรักความเมตตาโดยปราศจากเงื่อนไข ความอดกลั้นและความใจกว้าง รวมถึงทางสายกลางซึ่งไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง (The teachings emphasize unconditioned love and compassion, tolerance, and moderation).
15. ความถ่อมตนและความเมตตาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อสรรพสัตว์โดยไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณเสมอเหมือนกัน โดยไม่มีแบ่งแยก (Humility of the Buddha).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น